tag:blogger.com,1999:blog-28306022558820848282024-03-13T17:17:20.753+07:00การประถมศึกษาedu02mmhttp://www.blogger.com/profile/10915011669233989190noreply@blogger.comBlogger6125tag:blogger.com,1999:blog-2830602255882084828.post-59807394053311108862013-09-19T12:50:00.001+07:002013-09-19T12:50:18.281+07:00เรื่องการคูณเลข1.ให้คำนวนบวกลบคูณหารจำนวนสิ่งของ เช่น ดินสอ ยางลบ ของเล่นที่น่าสนใจ พวกตุ๊กกะตุ่น ตุ๊กตา
2.ให้คำนวนบวกลบคูณหารตามรูปภาพ
3.ให้คำนวนบวกลบคูณหารลงใส่กระดาษ
4.การคำนวนค่อยปรับจำนวนตัวเลขให้เพิ่มขึ้น
5.การคำนวนค่อยปรับจำนวนตัวเลขให้เพิ่มขึ้น ที่ละตัวเมื่อทำสำเร็จแล้ว คำนวนไม่เกิน3-5ตัวไปแล้วค่อยเพิ่มทีละนิดอย่าช้าๆจนถึง10ตัว
พอชำนาญแล้วปรับรูปแบบการคำนวน จากบวกมาเป็นลบ จากลบมาเป็นคูณ คูณมาเป็นหาร
ความจำชั่วคราวเพิ่งหัดเรียนรู้ก็จะสามารถคำนวนได้3-5ตัว ยังไม่เป็นความจำถาวรค่อยฝึกเป็นความจำที่ถาวร
การใช้ในชีวิตประจำวันทุกวัน เช้า-กลางวัน-เย็น ก่อนนอน ทุกวัน เน้นทบทวนในภายหลังบ่อยๆนานๆ
ก็จะกลายเป็นความจำที่ถาวร
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="//www.youtube.com/embed/9wKc2A4ARWY" width="420"></iframe>edu02mmhttp://www.blogger.com/profile/10915011669233989190noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2830602255882084828.post-75846020976923474522013-09-19T12:49:00.002+07:002013-09-19T12:49:17.237+07:00เรื่องเทคนิคหารเลขเร็วเทคนิคหารเลขเร็ว
การตั้งหารยาวเป็นวิธีหาผลหารที่เข้าใจง่าย แต่ใช้เวลาคำนวณนาน เราจึงมักเก็บวิธีหารยาวไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย ในการทำโจทย์หารเลข เราจะเริ่มจากการเลือกเทคนิคที่เหมาะกับโจทย์ข้อนั้น ทางเลือกแรกคือเทคนิคที่คำนวณง่าย ได้คำตอบเร็ว มีเทคนิคอะไรให้เลือกบ้าง ?
<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/ZPZVkfCHfNk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>edu02mmhttp://www.blogger.com/profile/10915011669233989190noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2830602255882084828.post-7785610405192311772013-09-19T12:47:00.002+07:002013-09-19T12:47:58.132+07:00กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ เรื่อง เทคนิคการบวกเลขเร็วเทคนิคการบวกเลขเร็ว
เด็กนักเรียนเริ่มรู้จักตัวอักษร ก, ข, ... พร้อมกับตัวเลข 1, 2, 3 ... และเรียนรู้วิธีสะกดคำ พร้อมกับการนับเลข ตั้งแต่ชั้นอนุบาล แต่เมื่อเรียนจบป.6 ปรากฏว่ามีนักเรียนจำนวนมากที่สามารถอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องสะกด
แต่ไม่สามารถบวกเลขได้โดยไม่ต้องนับ การบวกเลขโดยไม่ต้องนับง่ายกว่าการอ่านคำศัพท์โดยไม่ต้องสะกด เพราะตัวเลขมีเพียง 10 ตัว (0-9) นำมาจับคู่บวกกันได้ 10 x 10 = 100 คู่ (เลข 1 หลัก) แต่ตัวอักษร สระ และวรรณยุกต์มีถึง 44 ตัว นำมาผสมเป็นคำศัพท์ต่าง ๆ ได้มากกว่า 100 คำ ทำไมเด็กสามารถทำสิ่งที่ยากได้ดีกว่าทำสิ่งที่ง่าย ? เป็นเพราะเด็กไม่สนใจเรียนคณิตศาสตร์ หรือเป็นเพราะเราให้ความสำคัญกับการเรียนภาษามากกว่าคณิตศาสตร์ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะพัฒนาความสามารถของเด็กให้บวกเลขได้เร็วเหมือนอ่านหนังสือโดยไม่ต้องสะกด ?
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="//www.youtube.com/embed/t1Gg-7eK8mY" width="420"></iframe>
edu02mmhttp://www.blogger.com/profile/10915011669233989190noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2830602255882084828.post-30315348344764461672013-09-19T12:46:00.005+07:002013-09-19T12:46:58.921+07:00เรื่องการกระจายคำ และการประสมคำการกระจายคำ คือ การเเยกส่วนประกอบของคำออกเป็นส่วนๆ ซึ่งคำทุกคำจะต้องประกอบด้วย พยัยชนะ สระ และเสียงวรรณยุกต์ คำบางคำอาจมีตัวสะกด และอักษรการันต์ด้วย เช่น
คำ พยัญชนะ สระ ตัวสะกด รูปวรรณยุกต์ เสียงวรรณยุกต์ อักษรการันต์
ก้อง ก ออ ง อ้ โท -
ลุ่ม ล อุ ม อ่ โท -
น้ำ น อำ - อ้ ตรี -
ป๋า ป อา - อ๋ จัตวา -
เคราะห์ คร เอาะ - - ตรี ห์
จั่น จ อะ น อ่ เอก -
ทุกข์ ท อุ ก - ตรี ข์
แข็ง ข แอะ ง - จัตวา -
สวย ส อัว ย - จัตวา -
พิมพ์ พ อิ ม - สามัญ พ์
การประสมคำ คือ การนำส่วนประกอบของคำ ได้แก่ พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์มาประสมกันเป็นคำ
การประสมคำ มี 4 ลักษณะ ได้แก่
1. การประสม 3 ส่วน หมายถึง การประสมคำโดยมีพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์มาประสมกัน เช่น น้ำ ปู่ โก้เก๋
2. การประสม 4 ส่วน หมายถึง การประสมคำโดยมีพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และตัวสะกดมาประสมกัน เช่น นิ้ว มัด โทษ
3. การประสม 4 ส่วนพิเศษ หมายถึง การประสมคำโดยมีพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และอักษรการันต์มาประสมกัน เช่น เล่ห์ เคราะห์ โชว์
4. การประสม 5 ส่วน หมายถึง การประสมคำโดยมีพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ตัวสะกด และอักษรการันต์มาประสมกัน เช่น แพทย์ ศัพท์ นิพนธ์ พิมพ์
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="//www.youtube.com/embed/UDMVjbKC53k" width="420"></iframe>edu02mmhttp://www.blogger.com/profile/10915011669233989190noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2830602255882084828.post-2425004457903682042013-09-19T12:31:00.002+07:002013-09-19T12:31:43.388+07:00เรื่องมาตราตัวสะกดแม่ ก กา
คำในแม่ ก กา เป็นคำที่ไม่มีพยัญชนะเป็นตัวสะกด ท้ายคำ หรือ ท้ายพยางค์ อ่านออกเสียงสระโดยไม่มีเสียงพยัญชนะ
ตัวอย่างคำที่มีตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่ ก กา
กติกา โกลี คร่ำคร่า เคอะ เงอะงะ เฉโกโว้เว้ ซาฟียะห์ น้ำบูดู ปรานี ไม่เข้ายา โยทะกา เรือกอและ เล้า โสภา หญ้าคา อาชา
แม่ กง
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่ กง คือ อ่านอย่างเสียง ง
ตัวอย่างคำที่มีตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่ กง
กองกลาง โขมง คล้องจอง คูปอง จ้องหน่อง ฉิ่ง ตะราง ตุ้งติ้ง ประลอง พิธีรีตอง มะเส็ง แมงดา รำพึง สรงน้ำ สำเนียง แสลง
แม่ กม
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่ กม คือ อ่านออกเสียง ม
ตัวอย่างคำที่มีตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่ กม
กระหม่อม คำราม จริยธรรม ชมรม ถล่ม ทะนุถนอม ทิม ทุ่ม บรรทม บังคม เปรมปรีดิ์ พฤติกรรม ภิรมย์ แยม หยาม อาศรม
แม่ เกย
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่เกย คือ อ่านออกเสียง ย
ตัวอย่างคำที่มีตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่ เกย
กระจ้อยร่อย ข่าย ชีวาลัย ทยอย นโยบาย เนย เนื้อทราย เปรียบเปรย พระทัย โพยภัย ภูวไนย เสวย มโนมัย วินัย สาหร่าย อาชาไนย
แม่ เกอว
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่เกอว คือ อ่านออกเสียง ว
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="//www.youtube.com/embed/2msSpddLRxQ" width="420"></iframe>งedu02mmhttp://www.blogger.com/profile/10915011669233989190noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2830602255882084828.post-19176889935739681232013-09-19T12:28:00.003+07:002013-09-19T12:28:11.411+07:00กลุ่มสระภาษาไทย เรื่องสระ<div style="text-align: center;">
<b>สระในภาษาไทย </b></div>
<b><br /></b>
สระ แบ่งตามการออกเสียง เป็นสระเสียงสั้น และสระเสียงยาว
สระเสียงสั้นมี 18 เสียง ได้แก่ อะ อึ อุ เอะ แอะ โอะ เอาะ เออะ เอียะ เอือะ อัวะ ฤ ฦ อำ ไอ ใอ เอา
สระเสียงยาว มี 14 เสียง ได้แก่ อา อี อื อู เอ แอ โอ ออ เออ เอีย เอือ อัว ฤา ฦา
การใช้สระในภาษาไทย แบ่งเป็น 3 แบบ เช่น
2.1 แบบคงรูป คือ นำไปประสมกับพยัญชนะโดยไม่เปลี่ยนรูป เช่น
ด + อำ = ดำ
ต + เเอะ = แตะ
ต + อา = ตาเสือ
ส + เอือ = เสือ
2.2 แบบเเปลงรูปหรือเปลี่ยนรูป คือ รูปสระบางตัวจะเปลี่ยนไปเมื่อมีตัวสะกด เช่น
ร + อะ + ก = รัก
ห + เอะ + น = เห็น
ด + ออ + น = เดิน
ข + แอะ + ง = แข็ง
2.3 แบบลดรูป คือ รูปสระบางตัวจะหายไป เมื่อนำสระมาประสมกับพยัญชนะและตัวสะกด เช่น
ม + โอะ + ด = มด
พ + ออ + ร = พร
ข + เออ + ย =เขย
ส + อัว + ย = สวย
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="//www.youtube.com/embed/oanB-xRtykQ" width="420"></iframe>edu02mmhttp://www.blogger.com/profile/10915011669233989190noreply@blogger.com0